วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แฟชั่น ฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ|ญี่ปุ่น

Autumn & Winter Collection 2012 from Janpanese
คอลเล็คชั่นประจำฤดูใบไม้ผลิและฤดูหนาว



       หลายๆคน คงเฝ้ารอว่าแฟชั่นญี่ปุ่นที่กำลังจะมากันแล้ว เพื่อจะได้ไม่ตกเทรนด์กัน วันนี้ chickyfashion มีเทรนด์ใหม่ ของญี่ปุ่นมาให้ดูกัน เทรนด์ที่มาแรงในตอนนี้ในญี่ปุ่น จะเป็นเทรนด์แบบเท่ๆ ซึ่งออกแบบไปในทางแฟชั่นฝรั่งเศส เน้นสีดำ รองเท้าบูท สักคู่ ก็เก๋แล้ว แต่ก็ไม่ทิ้งสีสัน ซึ่งจะขาดไม่ได้ ต้องเป็น สไตร์ Simple คือ เรียบ หรู และดูดี มาดู items ที่จะอัพเดทกันดีกว่า
Black ITEMS

รองเท้าที่เห็นจะหนีไม่พ้น ต้องเป็นบูทส้นสูง แค่นี้ก็ดูสง่าแล้ว
เดรส,กระโปรง ลายพริ้น เพิ่มความเท่ด้วยเสื้อและรองเท้าส้นสูงสีดำ
Simple Style(สไตล์ เรียบหรู และดูดี)

     เพียง ไอเทมไม่กี่อย่าง เราก็จะกลายเป็นสาวมั่นแบบสาวชาวยุโรปแล้ว อย่าลืมหา items มา Mix & Match กันนะค่ะสาวๆ

Cr.H&M Fashion by Chickyfashion

วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แฟชั่น กับ ความหมาย(Fashion & Mean)



แฟชั่น กับ ความหมาย(Fashion & Mean)
        แฟชั่น เป็นคำที่มาจากภาษาอังกฤษว่า Fashion แปลว่า สมัยนิยม หรือ วิธีการที่นิยมกันทั่วไปชั่วระยะเวลหนึ่ง คำๆนี้ ได้รับการยอมรับจะเป็นค่านิยม จึงได้เกิดเป็นภาษาใหม่  ในยุคแรกเริ่มของการถ่ายภาพ กระบวนการถ่ายภาพมีความยุ่งยากมาก ค่าใช้จ่ายสูง ประสิทธิภาพของภาพถ่ายค่อนข้างต่ำ เมื่อเวลาผ่านไป เทคโนโลยีของการถ่ายภาพได้รับการพัฒนาให้สูงขึ้นทำให้ราคาต้นทุนของการถ่ายภาพถูกลงกว่าเดิม การรับจ้างถ่ายภาพ จึงมีราคาลดลงจากเดิมด้วย เป็นเหตุให้ ประชาชนที่มีรายได้ไม่มาก ทั้งชนชั้นล่าง ชนชั้นกลาง มีโอกาสที่จะได้มีภาพถ่ายของตนเอง หรือ ของครอบครัวไว้ครอบครอง 


       เมื่อย้อนกลับไป ยุค 80 งานแฟชั่นภาพ และ แฟชั่นเสื้อผ้าถูกพิมพ์ลงในนิตยสาร และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ปารีส กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตธุรกิจดังกล่าว 
ปี ค.ศ.1820  การถ่ายภาพได้รับการพัฒนามาโดยตลอด เป็นที่นิยมสูงสุดเมื่อภายหลังมีการนำงานแฟชั่นถ่ายรูปเข้ามาอยู่ในกระแสของสังคม งานถ่ายภาพเพื่อแนะนำเสื้อผ้าถูกตีพิมพ์ในนิตยสารต่างๆในยุโรป และ แฟชั่นเริ่มขึ้นในศตวรรษที่ 20 การพัฒนาแฟชั่นในแต่ละยุคสมัยต่างกันมาก ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเช่น การเมือง เศรษฐกิจ ภูมิอากาศ ฯลฯ ศตวรรษ 20 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด
ปี ค.ศ.1920-1930 (ยุค แฟลปเปอร์(Flapper)) โดยผู้หญิงสวมกระโปรงสั้นเป็นครั้งแรก หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เศรษฐกิจตกต่ำ ผู้หญิงจะต้องออกจากบ้านเพื่อหางานทำเลี้ยงชีพ ดังนั้นเสื้อผ้าจึงเปลี่ยนไปตามเหตุการณ์ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้สวมใส่มากขึ้น จึงมีกางเกงเกิดขึ้น และได้รับความนิยม แฟชั่นของโลกได้ก้าวเข้าสู่ความเป็นสากล เพราะการติดต่อสื่อสารของโลกตะวันตกและตะวันออกเป็นไปได้เปิดกว้างขึ้น  มีการไปมาหาสู่กันทำให้แฟชั่นของโลกตะวันตกเข้ามามีบทบาทกับสังคมไทยมากขึ้น 
         ลักษณะของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของแต่ละยุค เรียกว่า สไตล์ (Style) แต่ละคนมีสไตล์การแต่งกายเป็นของตนเอง เช่น สไตล์พั้งค์(Punk),สไตล์ราซี่(Racy or Provocative) เป็นต้น

ปี ค.ศ.1900-1920 แฟชั่นเสื้อผ้ายุค Art Nouvean ผลงานดังของได้แก่ดีไซเนอร์ Paul Poire,Jean Paquin, Mariano Fortuny.
ปี ค.ศ.1910-1920 แฟชั่น Art Deco ถูกแทนที่แฟชั่นแบบเก่าๆ มีดีไซเนอร์ดัง ได้แก่ Coco Chanel
ปี ค.ศ.1920-1930 แฟชั่นยุค Art Deco ซึ่งมีดีไซเนอรดังๆ ได้แก่ Coco Chanel,Madeleine Vionnet,Lanvin,Edward Molynex, Erte, Sonia Delauney และ Jean Patau

ปี ค.ศ.1930-1940 แฟชั่นยุค Ready-To-Wear(RTW) โดยมีหัวหอกจากปารีส ได้แก่ Coco Chanel,Elsa Schiaparelli เป็นแกนนำ



ลักษณะการแต่งกายแต่ละยุค



1.ยุคอาณานิคม หรือ รีเจนซี่(ค.ศ.1795-1815)
     เป็นยุคของการเปลี่ยนแปลง มีการปฏิวัติในอเมริกาและฝรั่งเศส สาวในยุคนี้จึงได้รับอิทธิพลการแต่งกายแบบกรีกโบราณ เพราะเชื่อว่าเป็นภาพลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงประชาธิปไตย
ลักษณะชุด:ชุดยาว กรอมพื้น ไม่ใส่คอร์เซ็ต ใส่เอวสูงแบบรัดใต้อก พวกผู้ดีจะใส่ชุดสีขาวตลอด พวกชั้นต่ำจะใส่สีพาสเทล ใส่ชุดสีขาวเฉพาะงานเลี้ยงเพราะเปื้อนง่าย ผ้านุ่มบางพริ้วๆเป็นผ้าฝ้าย มัสลิน หรือ ผ้าไหม มักใส่ผ้าคลุมไหล่ หรือ ถุงมือยาว ไว้ผมสั้น และใส่หมวก















2.ยุคโรแมนติก(ค.ศ.1815-1840)
     หลังสงครามผ่านพ้นไปคนก็หันมาแต่งการแบบอังกฤษ(โกลมาเนีย(Anglomania)) ยุคนี้ผู้หญิงถูกเน้นให้เห็นว่าเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า และสวยงามชอบการแต่งตัว

ลักษณะชุด:ฟูฟ่องตลอดทั้งตัว โดยลักษณะพิเศษอยู่ที่ ไหล่ลู่ลง เอวคอ ผายออกที่สะโพกเพื่อเน้นสตรีเพศ จะเห็นว่า ชุดแบบเดิมถูกแต่งให้ดูดีขึ้นโดยปรับเอวสูงค่อยๆต่ำลง กระโปรงค่อยๆพองอลังการ ตกแต่งประดับประดาอย่างหรูหรา 
3.ยุควิคตอเรียตอนต้น(ค.ศ.1840-1870)

ปี ค.ศ. 1837 พระราชินีวิคตอเรียขึ้นครองราชย์ มีลูก 9 คน เธอเป็นต้นแบบของผู้หญิงแบบถ่อมตน อุทิศตนเพื่อครอบครัว ยึดมั่นศิลธรรม รสนิยมเธอเป็นแรงบันดาลใจให้สาวๆยุคนั้นนแต่งตัวตาม
ลักษณะชุด: ลักษณะไหล่จะลู่ลง ลำตัวแคบด้วยการรัด คอร์เซ็ต กระโปรงบานพอสมควร ยาวคร่อมพื้น และค่อยๆพองขึ้นเรื่อยๆ เป็นต้นกำเนิดของ สุ่ม(Cage Crinoline)เพื่อช่วยให้กระโปรงบานขึ้น และไม่หนัก หมวก นิยมแบบ Deep bonnets ซึ่งเป็นหมวกแบบปิดหน้าจะมองเห็นแบบเต็มหน้าเมื่อหันหน้าเข้าหากันตรงๆเท่านั้น เป็นการแสดงถึงความถ่อมตัว



3.ยุควิคตอเรียตอนปลาย(ค.ศ.1870-1890)
   พระราชินีวิคตอเรีย สามีตาย เธอเลยเก็บตัวและใส่แต่ชุดดำ สีดำเลยเป็นที่นิยมขึ้นมา
ลักษณะชุด:รูปทรงเริ่มเน้นสัดส่วน แต่ปกปิดร่างกายในเวลาเดียวกัน ช่วงบนเข้ารูปสีเข้ม มีการเปลี่ยนจากสุ่มมาเป็นที่ถ่างกระโปรง จะไม่ถ่างรอบด้านเหมือนเดิมแต่จะถ่างไปด้านหลังแทน




4.ยุคอาร์ตนูโว(ค.ศ. 1890-1911)
ยุคทองของชนชั้นสูง ใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย ยุคนี้ผู้หญิงมีบทบาทมากขึ้น เริ่มทำงาน มีส่วนในกิจกรรมเพื่อนสังคม

ลักษณะชุด : โดยรวมแล้วใส่แบบสบายๆ ไหล่ตั้งตรงสง่า ไม่ลู่ลงเหมือนแบบก่อน มีการตัดสูทแบบกระโปรง ยังใช้ คอร์เซ็ต แต่มีการเปลี่ยนรูปแบบให้เข้ากับสรีระมากขึ้น





5.ยุค 1910s-WWI(ค.ศ.1911-1919)
เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้ชายไปรบ ผู้หญิงทำหน้าที่หลายอย่างแทนผู้ชาย
ลักษณะชุด:  ด้วยกระแสสงคราม ทำให้ชุดมีลักษณะของแนว military เข้ามาผสมผสาน สังเกตจากคอเสื้อแบบปกเสื้อแบบทหาร กระโปรงสั้นเล็กน้อย ต่อมากระโปรงเริ่มแคบลง เครื่องประดับไม่ค่อยใส่ เรียกว่าเน้นการใช้งานมากกว่า

6.ยุค 1920s(ค.ศ. 1920-1929)

สงครามสงบ เข้าสู่ยุค Jazz Age เป็นยุคของคนรุ่นใหม่ หนุ่มสาว ซึ่งขึ้นมารุ่งเรือง มีฐานะ ผู้หญิงทำงานช่วงสงครามก็ไม่อยากกลับไปเป็นแม่บ้านอีก ยังคงทำงานต่อไปอิสระเสรีมากกว่าเดิม
ลักษณะชุด: ช่วง หลังสงครามชุดที่มาแรงที่สุด เป็นสัญลักษณ์ของยุคนี้คือ Flapper Dress เป็นชุดลำตัวตรง หน้าอกแบบไม้กระดาน กระโปรงสั้นลง


7.ยุค 1930s(ค.ศ. 1930-1939)
     เหมือนยุคที่แล้ว หนุ่มสาวเริ่มเบ่งบาน ช่วงนี้เศรษฐกิจตกต่ำ แต่ะไม่กระทบกับผู้ที่ร่ำรวย วิทยาการใหม่ๆถูกคิดค้น เช่น ผ้าไนลอน ผ้าเรยอง ซิป ศัลยกรรมพลาสติก การดัดผม เป็นต้น
ลักษณะชุด :ชุดโดยรวมมีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น ทรวดทรงเข้ารูป กระโปรงพลีท ชุดเริ่มหลากหลาย


8.ยุค 1940s(ค.ศ. 1940-1949)
สงครามโลกครั้งที่ 2 ภาวะขาดแคลน ต้องใช้ระบบปันอาหาร เสื้อผ้าลักษณะชุด : เสื้อผ้าถูกตัดให้เข้ากับการใช้งาน สีทึมๆแห้งๆใส่เหมือนกันหมด กระโปรงแคบๆ แฟชั่นไม่ค่อยพัฒนา แฟชั่นหมวกที่ฮิต คือ ผ้าคาดผมใส่เวลาทำงานกลางวัน และรองเท้าพื้นยางยุค 1940s(ค.ศ. 1940-1949)สงครามโลกครั้งที่ 2 ภาวะขาดแคลน ต้องใช้ระบบปันอาหาร เสื้อผ้า
9.ยุค 1950s(ค.ศ. 1950-1959)
เศรษฐกิจรุ่งเรืองขึ้น ชนชั้นกลางและคนทั่วไปเริ่มมีเงิน มีเทรนด์แฟชั่นเป็นของตัวเอง ความหลากหลายมีมากขึ้น
ลักษณะชุด : ช่วงแรกๆ แต่งกายแบบทรงดินสอแคบ หลังจากนั้น โดดเด่น คือ กระโปรงบานยาวคลุมเข่า ข้างในเสริมผ้าตาข่ายหลายๆชั้น เน้นทรวดทรงองค์เอว ชุดชั้นในยุคนี้บางและใส่สบาย ราคาถูกลง


Cr.chickyfashion

วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แฟชั่น ชุดว่ายน้ำ 2012

candice swanepoel agua de coco swimear
News Bikini
      Thousands of people who had previously never heard the words Agua de Coco just did. Many of them aren’t the target audience for the Brazilian swimwear label; some of them are.
But that’s the power of landing a Victoria’s Secret model in your campaign, the power of a name like Candice Swanepoel. Going beyond just fashion media, every news outlet and men’s interest website will be desperate to run your photos. Luckily for Agua de Coco they have the great product to follow through on turning the media buzz into potential sales, or at least good brand awareness.